จากอกแม่สู่ชีวิตลูกน้อย น้ำนมแม่ดีอย่างไร

0
94

ในเดือนสิงหาคม มีวันที่สร้างความซาบซึ้ง และชื่นมื่น และตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการีที่เป็น “แม่”อย่างล้นหลาม มีกลิ่นดอกมะลิหอมจางๆ นั่นคือ “วันแม่แห่งชาติ” ภาพที่เราคุ้นชินตามสื่อหลาย ๆ ประเภท คือภาพของมารดาและบุตร ในช่วงวัยต่าง ๆ โดยเฉพาะภาพของมารดาที่กำลังให้นมบุตร แน่นอนว่า ประเทศไทยเรามีการรณรงค์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มาเนิ่นนาน ซึ่งปัจจุบันนี้ เราก็ยังคงเห็นภาพของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาโดยตลอด ดังนั้นคงไม่ต้องสงสัยหรือกังขาในคุณประโยชน์อันมากมายมหาศาลของนมแม่เลย

วิวัฒนาการของโรคต่าง ๆ ได้ก้าวหน้าไปมาก พร้อมทั้งมนุษย์ก็แสวงหาวัคซีนเพื่อยับยั้งเจ้าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคต่างๆเหล่านี้ด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กน้อยเมื่อสิบปีที่แล้ว ได้รับวัคซีนพื้นฐาน หรือวัคซีนที่จำเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับเด็กในยุคปัจจุบัน นั่นทำให้น่าสงสัยว่า เหตุใดเราจึงต้องเพิ่มจำนวนวัคซีนป้องกันโรคใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ทั้ง ๆ ที่องค์การอนามัยโลก หรือกระทรวงสาธารณสุขก็ทำเคมเปญ รณรงค์กันเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และเพื่อย้ำเตือนให้คุณแม่มือใหม่ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว อย่างน้อย 6 เดือน

จากสถิติของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว อย่างน้อย 6 เดือน เพียงร้อยละ 23.1 ซึ่งถือว่าต่ำสุดในอาเซียน (ข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ณ สิงหาคม 2562) ในเมื่อหนึ่งในหลาย ๆ ข้อ ในเรื่องประโยชน์ของนมแม่ คือวัคซีนป้องกันโรค วัคซีนหยดแรกในชีวิตของลูกน้อย ดังนั้น เราจึงควรมาทำความเข้าใจกับภูมิคุ้มกันโรค หรือ วัคซีนตัวแรกที่ลูกน้อยได้รับจากนมแม่กันดีกว่า

เมื่อลูกคลอดออกมาจากท้องแม่ ไม่ว่าจะคลอดออกมาด้วยวิธีใดก็ตามแต่ ควรให้ลูกดูดนมแม่ทันที ซึ่งคุณแม่คนใหม่คงจะได้มีการเตรียมตัวเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมใจ การเตรียมร่างกาย โดยเฉพาะหัวนม เพื่อป้องกันการ บอด บุ๋ม ฯลฯ อันจะเป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การดูดนมแม่ทันทีหรืออย่างน้อยภายในครึ่งชั่วโมงหลังคลอดนั้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะลูกจะได้รับ โคลอสตรัม (Colostrums) หรือน้ำนมเหลือง หรือที่บางท่านเรียกว่า หัวน้ำนมนั่นเอง

เจ้าโคลอสตรัมนี้ จะอยู่ตั้งแต่หลังคลอดจนถึง 24-36 ชั่วโมงแรกหลังการคลอดเท่านั้นถือว่าน้ำนมเหลืองนี้เป็นน้ำนมที่มีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อร่างกาย เพราะมีสารอาหารที่สำคัญสำหรับทารกมากกว่า 200 ชนิด มี Growth Factor ทำให้ทารกแข็งแรง มีน้ำหนักและส่วนสูงสมวัย ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับลูกน้อย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย รวมทั้งกระตุ้นพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองให้กับทารกอีกด้วย


เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของลูกน้อย จึงขอเชิญชวนให้คุณแม่ทุกท่าน เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน โดยที่ไม่ต้องให้เสริมอาหารชนิดอื่นหรือน้ำ เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารที่เพียงพอสำหรับลูกน้อยอยู่แล้ว น้ำนมแม่ย่อยง่าย ท้องไม่ผูก และที่สำคัญ อย่าลืมให้วัคซีนหยดแรกแก่ลูกน้อยของคุณด้วยนะคะ

Advertisement

แสดงความคิดเห็น

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่