ทำไมจ้องคอมนานๆ แล้วตาลาย

0
2561

มีใครเคยเป็นเหมือนกันไหมคะ เมื่อต้องใช้งานคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แทปเล็ต (tablet) แล้วมีอาการหน้ามืด ตาลาย เวียนศีรษะ บางครั้งเมื่อเราต้องจ้องหน้าจอนาน ๆ หรือใช้สายตาเพ่งอ่านหนังสือ      ตัวเล็ก ๆ รู้สึกตาจะเบลอ เห็นภาพมัวชั่วขณะ แต่เมื่อละสายตาออกจากหน้าจอฯ สักพักอาการเหล่านี้ก็จะหายไป

จากอาการข้างต้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer vision syndrome) หรือที่เรียกว่า อาการตาล้า โดยจะมีอาการอาการปวดตา หรือปวดบริเววณรอบดวงตา ตาพร่ามัวเห็นภาพซ้อน ปวดแสบตา เคืองตา ตาแห้งๆ มีน้ำตาไหล ปวดศีรษะ  มึนหัว ปวดต้นคอ ปวดเมื่อยหลังไหล่ ซึ่งมักจะเกิดจากการใช้สายตาที่นานเกินไป เช่น ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือการที่ต้องเพ่งมองวัตถุขนาดเล็กเช่นในจอโทรศัพท์มือถือ

เนื่องจากการอ่านตัวหนังสือจากจอคอมพิวเตอร์ หรือมือถือที่เราเรียกว่าสมาร์ทโฟนนั้น เราต้องเพ่งสายตามากกว่าปกติ เพราะตัวหนังสือจากจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน เป็นตัวหนังสือที่เกิดจากการนำจุดหลายจุดมาต่อกัน ซึ่งจะไม่เหมือนการอ่านจากกระดาษ ที่ตัวหนังสือจะชัดเจนมากกว่า

ส่วนอาการเคืองตา แสบตา บางครั้งมีน้ำตาไหล เป็นผลจากตาแห้ง เนื่องจากการจ้องคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ทำให้ความถี่ในการกระพริบตาน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ซึ่งการกระพริบตาเป็นการช่วยให้มีน้ำมาหล่อลื่นดวงตาตลอดเวลา หากเรากระพริบตาน้อยลง ก็ไม่มีน้ำมาหล่อลื่นหรือมีน้อยลง

นอกจากนั้น อาการตามัว เห็นภาพเบลอ ๆ หรือเห็นภาพซ้อน เกิดจากการมองภาพในระยะใกล้เป็นเวลานาน บวกกับแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ และบางครั้งจากแสงสว่างที่ไม่เพียงพอ ทำให้ตามัวเหมือนคนสายตาสั้น คือมองภาพในระยะไกลไม่ชัด แต่จะเป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

การที่เราเพ่งสายตามาก ๆ จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบ ๆ ดวงตามีอาการอ่อนล้า และอาจทำให้การมองเห็นภาพรวมของดวงตาทั้งสองข้างผิดปกติ จึงทำให้เรามองเห็นภาพซ้อน อีกอาการหนึ่งที่พบได้บ่อย คือ อาการปวดหัว มึนหัว ก็เป็นผลต่อเนื่องตามมาจากอาการทางสายตาเช่นกัน ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุทำให้ดวงตาล้าได้ค่ะ ส่วนบางท่านที่มีอาการปวดคอ ปวดหลัง บ่า ไหล่ ก็เกิดจากท่าทางการใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่ไม่เหมาะสม อาจจะนั่งหลังค่อม ก้มหัว ตัวงอ วางมือออย่างไม่เหมาะสม และไม่มีการพักเปลี่ยนอิริยาบถเลย เป็นระยะๆ

ถึงแม้ว่าอาการดังกล่าวจะดูเหมือนไม่รุนแรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วลองหลับตาลงสักครู่ หรือมองไปในที่ ๆมีสีเขียวของธรรมชาติ อาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง แต่บางครั้งอาการเหล่านี้ก็สร้างความหงุดหงิดใจบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อป้องกันอาการเหล่านี้ เราควรหยุดพักสายตาเป็นระยะ ๆ เมื่อต้องใช้งานคอมพิวเตอร์นาน ๆ โดยเมื่อจ้องคอมพิวเตอร์ประมาณ 20-30 นาที ควรหยุดใช้สายตาอาจจะโดยการหลับตาเป็นเวลา 2-4 นาที แล้วค่อยลืมตาขึ้นมาทำงานใหม่ แสงสว่างของหน้าจอก็ไม่ควรสว่างมากจนเกินไปจนแสบตา ควรปรับแสงให้พอดี และควรเว้นระยะระหว่างสายตากับหน้าจอประมาณ  16-30 นิ้ว หรืออาจจะใช้สูตร 20-20-20 คือทำงาน 20 นาที ควรพักสายตา 20 วินาที และมองสิ่งที่อยู่ไกลออกไป มากกว่า 20 ฟุต หรือบางท่านอาจใช้น้ำตาเทียมช่วยป้องกันอาการตาแห้งได้ เหล่านี้จะช่วยป้องกันอาการตาล้า หรืออาการ Computer vision syndrome ได้ค่ะ

Advertisement

แสดงความคิดเห็น

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่