ใครเป็นคนทำ(ให้เราเป็นหวัด)…ใช่ฝนหรือเปล่า…ฝนไม่น่ารักหรือเปล่า (ทำเสียงแบบน้องสายฟ้าแบบในแอฟ แอฟนึงที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในขณะนี้) ในวันที่ฝนพรำสายอาจทำให้บางวันอากาศร้อนอบอ้าวมากขึ้นไปอีก เด็ก ๆ หลายคนชอบไปแอบเล่นน้ำฝนกัน และเรามักจะได้ยินคำเตือนด้วยความห่วงใยจากคนรอบข้างให้ระมัดระวังอย่าตากฝน ซึ่งพวกเราหลายๆคนจะเรียนรู้กันมาว่าจะไม่สบายได้หากไปตากฝนมา เพราะเดี๋ยวจะทำให้เป็นหวัดได้ จนเราคุ้นชินและเชื่อว่า เม็ดฝนเหล่านี้เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดกันมาเนิ่นนาน ยิ่งเวลาเปียกฝนทีไรก็มักจะมีอาการมึนหัว น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ หรือปวดศีรษะขึ้นมาทันที ดังนั้นเรามาหาคำตอบกันดีกว่าว่าแท้จริงแล้วการตากฝนนั้นทำให้เราเป็นไข้หวัดได้อย่างไร
คำตอบของเรื่องนี้ อธิบายได้ว่าความจริงแล้วรอบๆ ตัวเรามีเชื้อไวรัสที่ทำให้เราเป็นไข้หวัดอยู่เต็มไปหมด แต่เราไม่เป็นหวัด เพราะภูมิต้านทานของร่างกายเราช่วยต่อต้านเชื้อไวรัสเหล่านี้เอาไว้ได้ เพียงแต่ในเวลาที่ฝนตก จะมีทั้งลมทั้งฝนที่พัดพาเชื้อไวรัสต่างๆในอากาศมารวมกัน ซึ่งนั้นทำให้คุณอาจเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสในอากาศจากที่โล่งแจ้งนั่นเอง
นอกจากนี้การที่เราเปียกฝนจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายเราลดต่ำลงจากลมฝน หรือจากการที่ศีรษะเปียกฝน หรือเสื้อผ้า รองเท้า เปียกชื้นอยู่เป็นเวลานาน ซึ่งอุณหภูมิที่ลดต่ำลงนี้จะทำให้ไวรัสเจริญเติบโตได้ดีขึ้น โดยเฉพาะที่เยื่อบุจมูก ซึ่งในที่ที่อุณหภูมิต่ำนี่เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ไวรัสบางสายพันธุ์เจริญเติบโตได้ดี เมื่อไวรัสเจริญเติบโตมากขึ้นจนภูมิต้านทานของเราต่อต้านไม่ไหว โดยเฉพาะในบางคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ ก็จะยิ่งทำให้เราเป็นไข้หวัดได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง
ในฤดูที่ฝนตกแบบนี้ การดูแลตัวเองให้ห่างจากโรคไข้หวัดเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อฝนตกควรหาที่หลบฝน หลีกเลี่ยงการตากฝน แต่หากตากฝน เมื่อกลับถึงบ้าน ควรเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ ต้องรีบเช็ดศีรษะเข็ดตัวให้แห้ง หรือสระผมเลยยิ่งดี และควรรีบทำร่างกายให้อบอุ่น เริ่มจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ที่สำคัญต้องกันผัก ผลไม้ให้มาก ๆ เพราะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและป้องกันการเป็นหวัดได้นั่นเอง
เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก่อนออกจากบ้านช่วงไหนที่ฝนกำลังตก หรือลมแรงก็ควรสวม Mask ปิดจมูกปิดปาก เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดและป้องกันโรไวรัสต่าง ๆ ได้อีกด้วย
